rss
Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สภาพสนามหญ้าข้างบ้าน

ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะรอด เพราะว่าด้านนี้เป็นด้านที่โดนแสงแดดวันนึงน้อยประมาณสัก 4-5 ชั่วโมงเท่านั้นบางวันก็อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ



ถ้าหากว่าลองนึกถึงหลักการของต้นไม้สิ่งที่ต้นไม้ต้องการก็จะมี อาหาร อากาศ แสงแดด สนามหญ้าด้านนี้เหมือนโดนตัดไปสองอย่างก็คือ แสงแดด กับอากาศ แล้วน้ำท่วมขังอยู่สองอาทิตย์ความเป็นไปได้ว่ามันไม่รอดก็มีสูงแน่นอน

ผมก็ลองดูเทียบกับทางหน้าบ้านที่หญ้ายังเขียวอยู่ก็มีความเป็นไปได้ว่าทางหน้าบ้านนั้นได้รับแดดทั้งวันเลยอาจจะมีเปอร์เซ็นต์รอดมากกว่าเพราะเห็นมันยังมีสีเขียวให้เห็นอยู่ค่อนข้างเยอะ

และที่อื่นๆที่ร่มไม่โดนแดดสภาพต้นหญ้าก็จะเป็นเหมือนๆกัน คือจะเน่า และมีสีออกสีน้ำตาลอ่อนไปถึงเข้ม ซึ่งที่เป็นสีน้ำตาลผมเชื่อว่ามันไม่รอดแน่นอนแล้วแน่ๆ

คงต้องรอลุ้นกันต่อไปเรื่อยๆครับวันนี้ก็เพิ่งจะเป็นวันแรกที่น้ำแห้งจากสนามหญ้า อีกวันหรือสองวันน่าจะเห็นอะไรที่ชัดเจนขึ้นมากกว่านี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สนามหญ้าหลังน้ำท่วม

จะมีใครสักกี่คนครับที่ต้องเห็นภาพสนามหญ้าบ้านตัวเองโดนน้ำท่วมแล้วท่วมอีกทุกๆปี มีผมนี่แหละหนึ่งคนที่ต้องเห็นภาพแบบนี้้ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่เว้นแต่ละปีเลย ปีนี้ก็ไม่เว้นเหมือนกัน

ทุกๆปีหญ้าในสนามหน้าบ้านจะถูกท่วมนานเป็นเดือนแต่ว่าที่นี่บ้านใหม่ที่คิดว่าน้ำไม่ท่วมแต่นย้ำก็ท่วมเพราะปีนี้หนักจริงๆ แต่ก็ท่วมทีหลังเขาก็ยังดี ถ่วงเวลาเอาไว้ให้สนามหญ้าได้เยอะเลย ก็เลยจมน้ำอยู่แค่เกือบสองอาทิตย์เท่านั้น ไปดูสภาพกัน


จะเห็นได้ชัดว่าหญ้าในส่วนที่อยู้กลางแดดจ้าๆยังคงมีสีเขียวอ่อนๆอยู่ แต่ก็อาจจะคลุมไปด้วยสีน้ำตาลอ่อนๆบ้างแต่โดยรวมๆแล้วถือว่าถ้ามีสีเขียวอยู่ก็ได้ลุ้นรอดแล้ว ซึ่งผมคิดว่าน่าจะรอดจริงๆลองดูกันครับ


ที่เห็นแห้งตายหมดก็คือชาดัดที่ปลูกมากว่าสามเดือนกำลังหนา กำลังสูงเลย ว่าจะทำเป็นรั้วชาดัดครับเลยต้องกลับมานับหนึ่งใหม่อีกเซ็งเรื่องนี้มากกว่าสนามหญ้าตายอีกครับ อยากเห็นภาพถสวยๆที่ต้องใช้เวลา แต่ว่าน้ำมาซะก่อน ถ้าหากว่าสูงกว่านี้สัก 5 เซนผมกว่าก็มีสิทธิรอดอยู่เหมือนกันแต่บังเอิญมันไม่เป็นแบบนั้นครับ

โดยรวมสนามหญ้าทั้งหมดน่าจะรอดไม่ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ครับเพราะว่าหญ้าข้างบ้านเป็นส่วนที่โดนแดดน้อยอยู่แล้ว แล้วน้ำมาท่วมส่วนนี้ก็คงตายทั้งหมดแน่นอน ยังไงก็ต้องรอให้น้ำแห้งทั้งหมดแล้วให้ผึ่ีงแดดสักพักครับน่าจะเห็นได้ชัดกว่านี้ว่ายังรอดเหลืออีกเท่าไหร่

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นี่แหละน้ำท่วมปีนี้

เดินลุยน้ำออกมาที่ถนนหน้าบ้านบ้างครับมาลองดูว่ามันลึกแค่ไหน ก็เลยเข่านิดๆได้ครับ ถือว่ารับได้นะความลึกเท่านี้ยังพอที่จะลุยน้ำออกไปทำธุระอะไรถ้าหากว่าจำเป็นได้ แต่ไม่ท่วมเลยมันก็จะดีที่สุด และหวังว่าคงจะไม่มีแล้วมั้งภาพแบบนี้


แน่นอนว่าไม่มีใครชอบน้ำท่วมบ้าน ผมคนนึงที่ชีวิตนี้เจอน้ำท่วมมาตั้งแต่เป็นเด็กเพราะว่าบ้านผมอยู่ริมคลอง แม่น้ำน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมถึงพื้นบ้านทุกปีตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงธันวากว่าใต้ถุนจะแห้งก็เข้ามกราคมของอีกปีเลย ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยอยากย้ายที่อยู่เพราะว่าผมอยากปลูกต้นไม้ ผมชอบต้นไม้ ชอบสนามหญ้า

ที่นี่ทำเลนี้น้ำไม่เคยท่วมมาก่อนครับจากการศึกษาภูมิศาสตร์มาเป็นอย่างดี ทำให้ผมมั่นใจและเลือกที่จะอยู่ที่นี่ และหวังว่าจะเป็นปีแรกในชีวิตที่ไม่ต้องเจอไม่ต้องใช้ชีวิตน้ำท่วม เหตุการณ์และสถานการณ์มันก็กำลังจะเป็นไปเหมือนที่ใจผมคิดครับ เมื่อบ้านเก่าของผมน้ำท่วมสูงและสูงกว่าทุกๆปี จนเริ่มทรงตัวและลดลงบ้างในบางวัน

แต่แล้วจู่ๆก็มีน้ำหลงทางหลงทุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ครับผ่านหลงมาทางบ้านผมกวาดเอานิคมสหรัตนคร นิคมโรจนะจมน้ำ ตอนที่โรจนะจมน้ำบ้านผมก็ยังไม่มีอะไร ไม่มีทีท่าว่าน้ำจะท่วมแต่สุดท้ายน้ำก็ไม่เว้นหมู่บ้านผมไว้ครับ

วันแรกที่หมู่บ้านกั้นน้ำไม่อยู่น้ำท่วมสูงวันเดียว 20 เซนติเมตรก็รับได้ครับเพราะว่ามันเร็วเพราะว่าหมู่บ้านกั้นเอาไว้ แต่มันก็สูงขึ้น สูงขึ้นไม่หยุดจนมาจ่อปากประตูบ้าน แค่ท่วมสนามหญ้า ท่วมต้นไม้ก็เจ็บจี๊ดแล้ว สุดท้ายก็เข้าบ้าน จี๊ดเข้าไปใหญ่ แล้วกำลังจะท่วมรถอีก ผมแทบจะอดไม่ไหว

ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่ารถเป็นอะไรหรือปล่าวว่าจะปล่อยให้แห้งสักพักนึงก่อน หวังเอาไว้ว่าปีหน้าและปีไหนๆคงไม่มีอีกแล้วนะแบบนี้...

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชั้นล่างแห้งแล้ว

วันนี้ดีใจครับได้ล้างพื้นบ้านชั้นสักทีหลังจากที่จมมาสองอาทิตย์ได้สภาพความเสียหายตอนนี้เท่าที่เห็นก็จะมีสนิมขึ้นที่เหล็กดัด ชุดครัวพองนิดหน่อย ผนังที่เป็นสีขาวเป็นคราบน้ำ ส่วนเรื่องอื่นๆน่าจะมีอีกต้องรอดูตอนแห้งสนิทอีกทีนึงครับ


ที่ต้องแก้ก็คงจะมีเหล็กดัดเป็นอย่างแรกนี่แหละครับเพราะว่าสนิมแดงเลย เวลาไปโดนก็แดงติดมือครับ กลัวว่าม่านขาวเวลาปลิวลมไปโดนจะหมดกันครับ คงไม่อยากจะถอดมาซักแน่นอน แต่ว่าการซ่อมก็น่าจะยากพอดูเลยเพราะว่ามันติดพื้น เวลาขัดเวลาทาสีก็จะยากมากๆ เหนื่อยแน่ๆครับงานนี้


โชคยังดีนิดนึงครับตรงที่น้ำท่วมสูงขึ้นมาแค่บัวพื้นเท่านั้น เลยไม่เกิดคราบน้ำที่ผนัง แต่ต้องบอกว่าเกือบจะเลยบัวพื้นขึ้นไปเหมือนกันนะครับ แต่น้ำก็ขึ้นไปหยุดแค่นั้นแล้วก็ลงครับ สะใจนิดนึงตรงนี้


จะเห็นว่ามีโต๊ะทำงาน มีตู้เก็บของ มีโซฟา มีชั้นวางทีวีที่ผมใช้อิฐประสานหนุนเอาไว้ เพราะว่ายกไม่ไหวแล้วบางอย่างยกไหวแต่มันลำบากตอนเลี้ยวขึ้นบันไดครับ แล้วก็คิดว่าท่วมไม่นานเดี๋ยวยกลงอีกเหนื่อยอีกครับ เลยเทินหนุนไว้แบบนี้จะดีกว่า อาจจะล้างยากหลายรอบหน่อยแต่ก็คิดว่า วิธีนี้โอเคที่สุดแล้วครับสำหรับผม ไม่รู้ว่าบ้านเพื่่อนๆคนไหนเป็นอย่างไรบ้างแต่ก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วน้ำลงไวๆนะครับ เอาใจช่วยทุกๆคนครับ

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เกือบไปแล้ว

ช่วงนี้น้ำลงแล้วครับ รถผมกับรถเพื่อนเกือบไม่รอดครับระฆังช่วยไว้พอดิบพอดีเลย ดูสภาพจากรูปเลยครับว่าจวนเจียนแค่ไหน


รถเพื่อนผมหน้าทิ่มลงน้ำห้องเครื่องเลยต่ำ น้ำมาจ่อเครื่องแล้ว ส่วนรถผมน้ำเข้าไปในท่อแล้วแต่ว่าน่าจะยังไม่ท่วมห้องเครื่องเพราะว่าหน้ารถผมเอากระสอบทรายหนุนล้อให้หน้ายกไว้ คือว่าก็คงไม่เป็นอะไร เรียกว่าพอน้ำแห้งสิ่งที่ต้องลุ้นคือว่ารถผมจะเสียหรือไม่แต่ถ้าคิดเอาเองตามความเป็นจริงแล้วคิดว่าไม่เสียแน่นอน

อาจจะลุ้นกันเหนื่อยหน่อยแต่ก็น่าจะรอดแล้วกับน้ำท่วมปีนี้ ปีที่หนักสุดๆสำหรับประเทศไทยและทุกคนที่เจอน้ำท่วมไม่รู้ว่าปีหน้าจะมาแบบนี้อีกหรือปล่าว ไม่อยากจะเจอแบบนี้อีกแล้วอะ กลัวรถพัง ต้นไม้ตาย ราคาอาจจะไม่ได้แพงอะไรสำหรับต้นไม้แต่มันเสียเวลาไง ต้นไม้ต้องใช้เวลากว่าจะโตกว่าจะเป็นพุ่มสวย ไม่ได้ซื้อมาแล้วสวยได้เลยซะเมื่อไหร่

หวังว่าจะไม่เจอน้ำท่วมแบบนี้อีกนะหวังว่าอย่างนั้น เอาไว้ลุยสวนกันใหม่หลังน้ำลงละกันครับ

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผลงานตู้อบ เมล็ดต้นดาวเรือง

ยังไม่ได้ปลูกต้นดอกไม้อะไรเลยครับผม เน้นไปที่ต้นไม้ที่เป็นแบ็คกราวน์ก่อนทั้งหมด วันนี้เลยเริ่มปลูกดอกไม้กันบ้างครับ เพาะจากเมล็ดเอาต้นไม้ง่ายๆก่อนคือดาวเรืองครับ จากรูปเป็นผลงาน 3 วันในการเข้าตู้อบครับ

ดูภายนอกจะเห็นมีไอน้ำเกาะภายในแสดงว่ามีความชื้น เก็บความชื้นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ


พอเปิดออกมาก็เป็นแบบนี้ครับ คงต้องรออีกสักหน่อยก่อนจะย้ายลงกระถางต่อครับ กลัวว่าย้ายออกไปตอนนี้จะไม่รอดครับ

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเลือกดอกไม้อะไรสวยๆที่มีต้นขนาดกลางดี แต่รู้สึกว่าอยากได้ต้นที่ดอกนั้นมีน้ำหวานด้วย นึกอะไรไม่ออกเลยนอกจากต้นเข็ม เดี๋ยวต้องไปหาข้อมูลเพิ่มก่อนแล้ว ต่อไปนี้เราจะได้เห็นสีสันของดอกไม้กันบ้างแล้วละครับ

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดูการเก็บงาน(ติดตั้งแอร์)

ทำไมมาตรฐานของเรามันเป็นแบบนี้ครับ บริษัทห้างหุ้นส่วน หรือ หจก.ต่างๆ ที่รับติดตั้งแอร์ ซ่อมแอร์ล้างแอร์ไม่รู้ที่อื่นจะเป็นแบบนี้บ้างหรือปล่าว

จริงๆแล้วผมมั่นใจนะครับว่ายิ่งเป็นร้านเล็กๆยิ่งตั้งใจทำเรื่องการเก็บงานก็คิดว่าไม่น่าจะเลวร้ายอะไรแต่มาดูกันครับ เอาแค่จุดต่อไฟหลังบ้านก็พอครับ

ดูการต่อ เขาดันไปเข้าด้านบนก็เลยตัดกรอบฝาครอบซะเละเลย แบบนี้้เวลาฝนสาดก็เข้าสิครับไฟช๊อตแน่นอน ผมเลยต้องรื้อออกมาดูว่าข้างในชุ่ยแค่ไหน

เอาฝาครอบมาดูใกล้ๆรู้สึกเซ็งมากครับ ของผมใหม่ๆแท้ๆ มันทำอะไรของมันถึงได้เ็ป็นแบบนี้ ปรกติฝาครอบนี้จะไม่มีรูนะครับมันก็ดันเจาะรูยึดน็อตแล้วก็เจาะผิดเจาะถูกอีก โอ้ยไม่อยากจะบรรยายเพราะมันเห็นกันอยู่

สุดท้ายแล้วผมก็ต้องมาต่อสายไฟใหม่แล้วก็เอาซิลิโคนสีขาวมาอุดรูต่างๆที่มันทำเอาไว้ซะงามหน้า ไม่รู้จริงๆว่าเปิดร้านมาได้ยังไง ผลงานห่วยขนาดนี้ 


ส่วนเรื่องเจาะไม่ต้องพูดถึงครับ ผนังเป็นรูจนสอดมือเข้าไปได้อีกข้างนึง ปวดหัวจริงๆ นี่มันรับจ้างติดตั้งแอร์หรือว่ารับจ้างพังบ้านกันเเน่นะ

มาดูน้ำในบ้านกันบ้าง

มันน่าตกใจไม่หายครับเมื่อน้ำท่วมบ้านที่ผมเพิ่งจะซื้อเพิ่งจะย้ายมาอยู่ไม่ถึงปีและก็เป็นปีแรกที่หนีน้ำท่วมมาจากบ้านเก่า และก็ประเดิมการหนีน้ำท่วมแบบนี้เลยครับ


สุดยอดครับ ผมหมดปัญญาจะหนีแล้วครับไม่มีเงินแล้ว ผมทำเต็มที่แล้วครับ จะเห็นว่ารูปแรกเป็นโต๊ะทำงานผมผมดสภาพ ชั้นวางทีวี และทุกอย่างอยู่กับก้อนอิฐ ส่วนโซฟาก็ซ้อนอยู่บนชั้นวางทีวีอีกที ไม่รู้ว่าบัวพื้นจะพังหรือปล่าวเรื่องใหญ่เหมือนกัน


ประตูห้องเก็บของผมถอดเก็บไว้เพราะกลัวว่าจะโดนน้ำแล้วพังครับ สภาพบันไดตอนนี้กลายเป็นท่าน้ำไปแล้ว ช่างจี๊ดใจสุดๆ ลงซะทีเหอะบัวจะพองน้ำพังหมดแล้ว


สภาพหน้าบ้านครับหายซ่า หมดสภาพ พ่ายแพ้หมดรูป ดีที่ต้นไม้ผมลงไว้รากน่าจะลงลึกแล้วนะครับเลยยังทนได้อยู่ แต่ชาดัดเริ่มจมน้ำเยอะแล้วถ้าตายก็เสียดายมากๆครับเพราะว่าใช้เวลาเ็ป็นเืดือนกว่าจะสูงได้เท่านี้ ตอนนี้ผ่านมา 1 อาทิตย์ได้แล้วครับ น่าเป็นห่วงชาดัดที่สุดตอนนี้

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สวนในน้ำ

ตอนนี้น้ำท่วมไปทั่วทุกหัวระแหงเลยครับมองไปทางไหนก็เป็นทะเลสาบ เวลาลมแรงๆนี่เย็นเหมือนทะเลได้บรรยากาศไปอีกแบบเหมือนกัน


เรื่องต้นไม้ เรื่องสวนของผมตอนนี้ก็เลยต้องหยุดไปโดยปริยาย แต่ตอนที่ผมขนต้นไม้หนีน้ำก็รู้สึกเหมือนกันว่าเหมือนกับกำลังจัดสวนในน้ำเลย เพราะว่าผมอาศัยอิฐประสานรองหนุนกระถางต้นไม้เอาไว้ให้สูงพ้นน้ำ แต่ว่าหนุนไปก็ต้องหนุนเพิ่มอีก เพราะว่าน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหนุนไม่ไหว ก้นกระถางแช่น้ำไปแล้ว

น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆในการปลูกต้นไม้แต่ตอนนี้ไม่อยากเห็นน้ำเลย ต้นไม้ของผมที่อยู่ในความเสี่ยงก็จะมีไทรเกาหลีที่จมน้ำอยู่ไม่ได้เอาออกจากดินเพราะว่าเอาออกแล้วก็คงไม่รู้จะเอาหนีน้ำไปไว้ไหน เพราะว่าเยอะมาก


แล้วไทรเกาหลีถ้าออกอาการจะรู้เลยเพราะว่าใบจะเหลือง ไทรเกาหลีไม่ชอบน้ำมากแต่ว่าตอนนี้จมน้ำแช่น้ำมาเกือบอาทิตย์แล้ว ของผมยังไม่ออกอาการเท่าไหร่แต่ก็มีเริ่มใบเหลืองแล้วนิดหน่อย ตอนนี้น้ำเริ่มลดลงวันละครึ่งเซน ไม่รู้ว่าไทรเกาหลีจะรอดหรือเปล่า ส่วนโมกคงไม่มีปัญหา

ก็คงต้องรอดูรอลุ้นกันต่อไปครับสวนในน้ำของผม

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สุดท้ายก็หนีไม่รอด

ลุ้นกันจนตัวโก่งครับกับน้ำท่วมปีนี้ สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดและไม่คิดว่ามันจะเกิดก็เกิดจนได้ครับ เืมื่อการหนีน้ำของผมครั้งนี้ โดนตอกย้ำอย่างไม่มีเยื่อใยครับ


ไม่อยากจะบอกและไม่อาจที่จะอธิบายได้ครับว่าเจ็บปวดใจแค่ไหน เพราะว่าผมเพิ่งจะซื้อบ้านใหม่ อยู่มาได้ประมาณสี่เดือนกำลังเริ่มจัดสวน กำลังเขียวสวย ปรากฏว่าน้ำท่วมซะอย่างงั้น ใครที่ติดตามเรื่องราวสวนของผมก็คงจะรู้นะครับว่าผมหนีน้ำมาจากบ้านเก่าเพราะว่าน้ำท่วมทุกปีปลูกต้นไม้ไม่ทันจะโตก็ตาย

จนผมซื้อบ้านใหม่มาอยู่ที่ที่ไม่เคยท่วมมาก่อนแต่ปีนี้เหมือนกับว่าน้ำยังตามมาหลอกหลอนผม ไม่ยอมให้ผมปลูกต้นไม้ ไม่ยอมให้ผมรอด แล้วแบบนี้ผมจะหนีไปไหนได้อีกละครับในเมื่อผมไม่มีตังจะซื้อบ้านใหม่แล้ว หรือว่าผมจะไม่มีโอกาสได้ปลูกต้นไม้อย่างสงบๆเหมือนอย่างใครๆเขา

คงต้องรอลุ้นกันครับว่าปีหน้าและปีต่อๆไปน้ำจะท่วมซ้ำเติมกันแบบนี้อีกหรือไม่ อย่างไร ผมตอนนี้เรียกว่าหมดอะไรตายอยากแล้วครับ ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว คงต้องทำใจให้ยอมรับได้อีกสักพักนึง

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จะหนีน้ำรอดหรือไม่

ตอนนี้น้ำท่วมอยุธยาแทบจะทุกตารางนิ้วแล้ว ไม่น่าเชื่อนะว่าปีนี้ผมซื้อบ้านใหม่มาอยู่ในที่ๆน้ำไม่น่าจะท่วมไม่น่าจะมาใกล้แต่ว่าวันนี้ มันตามมาราวีผมถึงที่อีกครั้ง

เดิมทีผมอยู่บ้านที่อำเภอเสนา น้ำท่วมสูงทุกปีไม่ต้องพูดถึง และท่วมอยู่นานครึ่งปีตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงปลายธันวาหรือต้นมกราของทุกๆปี โดยที่ไม่มีใครรู้ แน่นอนคนที่ชอบปลูกต้นไม้ชอบอยู่กับต้นไม้จะทนอยู่ได้ยังไงก็เลยซื้อบ้านใหม่หนีน้ำมาเลย

วันนี้น้ำยังไม่ท่วมบ้านผมที่ซื้อใหม่แต่ค่อยๆคืบคลานมากดดันผมเรื่อยๆ จนตอนนี้หมู่บ้านที่ผมอยู่คนหนีไปอยู่ที่อื่นกันเกือบหมดแล้ว อยากจะบอกว่าเหมือนกับน้ำอยากจะตามผมมาท่วมต้นไม้ที่ผมปลูกสนามหญ้าที่ผมดูแล

ผมกับน้ำคงเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติก่อนละมั้งสงสัย ยังไงตอนนี้ผมก็ยังลุ้นอยู่ว่าหมู่บ้านที่ผมอยู่ตอนนี้เหมือนเกาะนี้จะรอดน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ได้หรือไม่

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สปริงเกอร์แบบป๊อปอัพ ดูกันอย่างละเอียด

ต่อจากบทความที่แล้วนะครับที่ผมซื้อมาด้วยอีกอย่างก็คือสปริงเกอร์แบบป๊อปอัพตัวนี้ครับ ราคา 189 บาท มาดูอย่างละเอียดก่อนครับ ก่อนที่ผมจะบอกว่าดีหรือไม่ดีั

รูปด้านบนครับ


รูปด้านข้าง

รูปด้านล่างของปริงเกอร์เป็นเกลียวในขนาด 1/2 หรือ 2 หุน

คราวนี้ผมจะถอดฝาด้านบนออกนะครับผม เราจะดูส่วนประกอบข้างในกัน

ค่อนข้างเข้าใจง่ายนะครับคือมีสปริงไว้เวลาดีดหัวสปริงเกอร์กลับลงมาเมื่อไม่มีแรงดันน้ำ

อีกส่วนนึงไม่มีอะไรครับ

ความแข็งของสปริงก็ไม่มากครับถือว่ากำลังดีเลย ไม่อ่อนหรือว่าแข็งเกินไป

ลักษณะส่วนบนที่จะป๊อปอัพขึ้นเวลาจ่ายน้ำครับ

จากการทดลองจ่ายน้ำให้กับสปริงเกอร์ป๊อปอัพรุ่นนี้ Nelson 17 Man 25-360 ผมรู้สึกว่าไม่ดีครับเพราะว่าน้ำจะกระจายออกด้านข้างตรงบริเวณที่ใกล้ๆกับหัวสปริงเกอร์จะไม่ค่อยได้น้ำครับ เพราะว่าน้ำถูกฉีดไปไกลจากตัวสปริงเกอร์ ผมคิดว่าถ้าใช้กับสนามหญ้าผมคงต้องซื้อตัวใหม่แน่ๆครับตัวนี้คงไม่เวิร์ค ลองไปดูครับว่ามันฉีดน้ำแบบไหน



ตอนนี้คงต้องไปศึกษาเรื่องสปริงเกอร์ใหม่แล้วครับ

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หัวมินิสเปรย์

สวัสดีครับวันนี้เรามาดูกันต่อ อย่างที่บอกไปนะครับว่าผมซื้อชุดหัวฉีดสเปรย์มา แล้วก็ซื้อหัวฉีดมินิสเปรย์มาด้วย 2 แบบ คือแบบ 90 องศา กับ 180 องศา ราคาก็ไม่แพงครับถุงละ 10 บาท มี10 ตัว ลองไปดูรูปกันครับ


มาดูให้ชัดๆครับตัวนี้เป็น 90 องศาครับ

ต่อมาก็เป็นแบบ 180 องศาครับ

ที่ผมซื้อมาก็เพราะว่าเผื่อเอาไว้ก่อนครับ ตอนนี้ยังไม่แน่นอนว่าผมจะเดินระบบสปริงเกอร์ในสนามอย่างไร จะใช้มินิสเปรย์หรือว่าจะเป็นสปริงเกอร์แบบป๊อปอัพนั้นตอนนี้กำลังทดลองอยู่ครับ

อันนี้เป็นรูปของหัวมินิสเปรย์แบบต่างๆครับก็จะมี 360 องศา 180 องศา 90 องศา ตามลำดับครับแบ้วแต่การติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ

และตอนต่อไปมาดูสปริงเกอร์แบบป๊อบอัพกันครับ