rss
Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รั้วต้นไม้ คริสติน่า

หากเรามีบ้านแน่นอนว่าใครๆก็อยากจะมีพื้นที่ให้สีเขียวของต้นไม้เป็นที่พักผ่อนสายตาและอารมณ์ แต่ด้วยเนื้อที่ที่จำกัดอย่างบ้านจัดสรรในโครงการซึ่งมีพื้นที่ให้ไม่มาก ทำให้บางครั้งเราไม่อยากมองไปเพราะมันเห็นบ้านตรงข้าม

ลักษณะใบ พุ่ม ต้นคริสติน่า


ทางเดียวที่จะแก้ก็คือทำรั้ว เพื่อเป็นจุดเบรคสายตาไม่ให้มองไปแล้วรู้สึกว่ามองบ้านตรงข้าม แน่นอนว่าการทำรั้วใช้ทุนต้องเสียเงินอีก แต่ถ้าหากว่าเราปลูกต้นไม้เป็นรั้วหละ เราจะได้ทั้งที่พักสายตาทั้งรั้วต้นไม้ที่ดูอ่อนโยนไปพร้อมๆกันเชียวนะ...

ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าบ้านจัดสรรตามโครงการต่างๆนั้นจะมีรั้วเหล็กให้อยู่แล้วซึ่งความสูงของรั้วก็จะไม่เกินหัวคนหรือประมาณ 150 เซนติเมตร ซึ่งมันก็ยังสูงไม่พอที่จะเป็นรั้วบ้านให้เราได้รู้สึกส่วนตัวได้ ผมเห็นบ้านในโครงการก็มักจะต่อเติมทำง่ายๆด้วยการซื้อไม้ระแนงมาตัดแล้วก็แปะ แต่ผมว่าถ้ามันยังไม่บังหน้าเรามันก็ยังไม่พออยู่ดีนะ

เพราะถ้าหากว่าเราอยากจะนั่งเล่นอยู่ในสวนเล็กๆของเราโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย รั้วนั้นก็ต้องสูงอย่างน้อยเกินหัวเราขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องต่อเติมโครงของรั้วให้สูงขึ้นเพื่อที่จะแปะไม้ทำเป็นรั้วให้สูงขึ้นได้

สำหรับผมแล้วจริงๆก็อยากทำนะแต่รู้สึกอีกอย่างนึงคือ ถ้าหากเราทำสูงขึ้นแล้วรั้วที่เป็นรั้วร่วมของข้างบ้านเรามันก็ต้องทำด้วย นั่นก็จะเป็นปํญหาตามมา เพราะเคยได้ยินว่าถ้ารั้วบ้านสูงต่ำไม่เท่ากันจะทำให้เงินทองรั่วไหล และยากจน

เมื่อทุกอย่างเป็นอย่างนี้ทางที่ง่ายที่สุดก็คือปลูกต้นไม้ทำเป็นรั้วดีที่สุด เราต้องการสูงเท่าไหร่ก็ใส่ปุ๋ยแล้วก็ตัดแต่งเอาตามชอบใจต้นไม้บางอย่างรอไม่นานก็สูงได้ตามต้องการแล้ว บางครั้งซื้อมาก็สูงเท่าหัวเราแล้วถ้ามีทุนหน่อย หรือบางท่านไม่ชอบรอก็ซื้อต้นที่สูงตามต้องการมาลงเลยก็ได้ครับไม่ว่ากัน

ต้นไม้ที่จะใช้ผมแนะนำให้ใช้ต้นคริสติน่าครับ เพราะอะไร เพราะว่ามันมีสีสันสวยงามเวลาแตกใบใหม่ทุกครั้งจะเป็นสีแดงเมื่อใบเริ่มแก่ขึ้นเรื่อยๆก็จะเป็นชมพู ส้ม เหลืองเขียวอ่อน เขียว ไล่แบบนี้ไปเรื่อยๆ พอใบแก่หมดก็จะแตกยอดใหม่มีสีแดงใหม่เป็นแบบนี้ให้เราเห็นตลอดเวลา อีกทั้งใบของคริสติน่าก็ไม่แข็งกระด้างเกินไปเหมือนไทรต่างๆ ที่สำคัญพิสูจน์แล้วว่ารากของต้นริสติน่านั้นไม่แข็งไม่เยอะเหมือนกับต้นไม้ที่ใช้ทำรั้วตะกูลไทรต่างๆ

พูดถึงลำต้นของคริสติน่าก็น่าสนใจ เพราะว่าลำต้นของคริสติน่าพัฒนาและอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง สูงขึ้นตรงได้เอง ไม่จำเป็นต้องช่วยค้ำลำต้นเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับโมกที่หากต้องการให้สูงขึ้นจะต้องคอยมัดกิ่งและมีไม้ไผ่ช่วยค้ำให้กิ่งโมกสูงและตรงขึ้นไป

ส่วนไทรเกาหลีผมไม่แนะนำเพราะว่าจากประสบการณ์ไทรเกาหลีนั้นใบหนาแน่นจริง แต่อ่อนไหวกับเรื่องน้ำมาก หากรดน้ำมากไปไทรเกาหลีจะทิ้งใบจนเกือบหมดต้น เรียกว่าต้องกวาดใบหรือเก็บใบทิ้งเยอะมาก และรากของไทรนั้นโตเร็ว ใหญ่ และเเข็ง ซึ่งสวนของเราพื้นที่เล็ก ไทรเกาหลีนั้นเหมาะกับสวนใหญ่ๆซะมากกว่า

ว่ากันด้วยเรื่องสำคัญที่สุดคือ ศัตรูพืช ผมแนะนำให้ซื้อยาฉีดเก็บไว้เลยครับยังไงก็ต้องใช้ เพราะใบคริสติน่าหอมและอ่อนน่ากินมากสำหรับพวกแมลงและศัตรูพืชทั้งหลาย ไทรเกาหลีก็โดนบ่อยจะเป็นพวกเพลี๊ย แต่ที่ไม่เคยเห็นว่าโดนเพลี๊ยหรือมีศัตรูพืชทำลายได้เลยก็ต้องยกให้โมกครับ ไม่เคยฉีดยาให้เลย

สรุปแล้ว
-โมก ปลูกง่ายไม่มีโรค ต้องการน้ำมากไม่ลั้นใบร่วง ต้องการการดูแลลำต้นเมื่อต้องการให้สูง ใบสวยปานกลาง
-ไทรต่างๆ ปลูกง่าย รากใหญ่ มีโรค ต้องการน้ำพอเหมาะ ใบสวยปานกลาง
-คริสติน่า ปลูกง่าย มีโรค ใบต้องการการดูแลมาก รากไม่ใหญ่ ใบสวยมากตื่นตา คุ้มค่าในการดูแล

นี่เล่าจากประสบการณ์ตรงของผมเลยครับสวนผมมี โมก ไทรเกาหลี คริสติน่า ตอนแรกเอาไทรเกาหลีทำรั้วหน้าบ้านพลางตา แต่รู้สึกว่ามันดูกระด้างไม่เหมาะกับพื้นที่เล็กๆเท่าไหร่ เลยย้ายออกแล้วตอนนี้เอาคริสติน่าความสูงประมาณ 50 เซนลงไปเเทนครับ เพราะสวนผมมีคริสติน่าสูงเลยหัวอยู่ต้นนึงสวยมาก ส่วนต้น 50 เซนนี้ก็เป็นต้นที่อยู่ในสวนนี่แหละครับแต่คอยคุมยอดไว้ ขุดเข้าขุดออกก็เลยมาเล่าได้ครับว่ารากมันต่างกันมาก ความสวยกับความน่าสนใจก็อย่างที่บอกไปเลยครับเรื่องจริงล้วนๆ


วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

หญ้ามาเลเซียกับดินเหนียว

หญ้ามาเลนั้นขึ้นชื่อได้ว่าเป็นหญ้าที่ทนน้ำ ชอบความชื้นสูง แดดปานกลาง บางครั้งบางทีหลายคนเอาไปปลูกในร่มเลยก็มี ผมก็ไม่รู้นะครับว่าสุดท้ายแล้วหญ้าที่อยู่ในร่มนั้นเป็นอย่างไร เเต่เชื่อว่าการปลูกในร่มขนาดนั้นยังไงหญ้าก็ไม่โตและก็ตายในที่สุดแน่นอนครับ




ดินเหนียวถือว่ามีข้อดีและข้อเสียค่อนข้างจะสุดขั้วกันเลยทีเดียว  ถ้าหากว่าเรามาลองนั่งพิจารณาดูดีดี เพราะว่าดินเหนียวถ้าเราเลี้ยงน้ำดีดีก็จะเป็นดินที่เหมาะกับพืชที่ต้องการความชื้นสูง แต่ว่าถ้าเราเลี้ยงน้ำให้ดินชนิดนี้ไม่ดีพอความมชื้นภายในดินหมดไปจะทำให้ดินแข็งมาก

พอดีตอนนี้ผมขุดดินเพื่อทำบ่อปลา เลยเอากองไว้หลังบ้าน ดินที่ขุดขึ้นมาเป็นดินเหนียวแท้ๆ ก็กะว่าจะปลูกหญ้ามาเลแบบขยายพันธุ์ คือการปักชำหญ้ามาเล ดังที่ผมได้เคยบอกไปแล้วในเรื่องการปักชำหญ้ามาเล ซึ่งข้อสำคัญที่จะทำให้ลำต้นที่ปักชำนั้นเป็นมากที่สุดก็คือ การเลี้ยงน้ำ

ในระยะ 7 วันแรก การเลี้ยงน้ำสำคัญมากๆ ต้องให้ดินเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ดินเเข็งเด็ดขาด เพราะดินที่ว่านี้เป็นดินเหนียวถ้าหากว่าปล่อยให้แห้งจนแข็งแล้ว การรดน้ำเพื่อทำให้ดินชื้นในครั้งต่อไปจะทำได้ยาก เพราะน้ำจะไม่ซึมลงในดินแต่จะไหลผ่านไปมากกว่า นอกจากจะใช้การรดน้ำแบบสปริงเกอร์เข้าช่วยก็ทำได้

การติดของกิ่งที่ปักจะอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ ความชื้นกับแดด ความชื้นนี้ให้แบบสม่ำเสมอถึงเปียกก็ได้ แต่แสงแดดนั้นน้อยๆจะดีกว่า เพราะถ้าหากให้แดดเต็มๆ มีโอกาสที่ต้นที่ชำจะเสียน้ำและดินแห้งเร็วทำให้กิ่งที่ปักไม่ติดได้ ทางออกเรื่องแสงแดดก็ใช้สแลนสีดำไม่ต้องเอาถึง 80 เปอร์เซ้นก็ได้ เอาสัก 75 เปอร์เซ็นแล้วคุมน้ำความชื้นที่ดินให้เปียกตลอดเวลาเป็นดี

แล้วจะเอารูปตอนที่หญ้าเต็มมาให้ดูกันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

หน้าฝนกับต้นโมก

ต้นโมกเมื่อเจอฝนแล้วจะเป็นอย่างไร คำตอบที่ผมให้ได้ทัีนทีก็คือ ยิ่งงามยิ่งเขียวและออกดอกให้เราได้ดูได้ดมด้วยครับ ยิ่งฝนหนักเท่าไหร่ยิ่งดีครับ แต่ทำไมโมกของผมเองช่วงนี้มันเหลืองใบร่วงก็ไม่รู้


ผมเคยเจอปัญหาใบเหลืองแล้วก็ร่วงแบบนี้มาก่อนแล้วนะครับ ตอนนั้นไม่รู้จะแก้ยังไงก็เอาปุ๋ยใส่บ้างฉีดยาบ้าง จนสุดท้ายจนปัญญาแก้ไม่หายก็ได้แต่รดน้ำมันอย่างเดียวแต่ว่ารดเยอะมาก เรียกว่าไม่ให้ดินแห้งเลยครับ แล้วมันก็กลับมาเขียวชอุ่มเหมือนดังเดิมตามที่ผมต้องการ และปีนี้มันเกิดอะไรขึ้น 

ไล่เรียงเหตุการณ์ สภาพดินไม่อุ้มน้ำเลยผมพยามรดน้ำบ่อยๆแต่ก็ไม่สม่ำเสมอแน่นอนว่ามีช่วงที่ดินแห้งเป็นระยะๆ ต่อมาอัดปุ๋ยคอกแล้วรดน้ำเหมือนเดิมยังไม่ดีขึ้น ล่าสุดใส่ปุ๋ย 16-16-16 แล้วรดน้ำได้วันสองวัน ใบร่วงเหลือง แต่ผมไม่เชื่อว่าเป็นเพราะปุ๋ยที่ใส่ เพราะว่าต้นโมกในแนวอื่นๆของบ้านก็ใส่ปุ๋ยให้เหมือนกันแต่ก็งามเขียวดี ไม่ได้มีอาการใบเหลืองแล้วร่วงเหมือนกับทางนี้

 เหตุที่ผมคิดว่าเป็นไปได้คือ
1.ดินที่ไม่อุ้มน้ำเลย ต้องยอมรับ
2.ความประมาทที่เห็นว่าฝนตกปรอยๆทั้งวัน แต่ความจริงมันไม่ได้ทำให้ดินโคนต้นโมกนั้นเปียกหรือชุ่มชืนเลย 

สรุปปัญหาแล้วผมคิดว่าต้องอัดน้ำและหาวัสดุคลุมดินโคนต้นโมกเพิ่ม แม้ว่าจะเป็นหน้าฝนแต่ตอนนี้คงต้องรดน้ำอัดโคนต้นโฒกกันอย่างมากเลยเพราะว่าใบร่วงเหลืองทั้งต้นแล้ว ไว้คืบหน้าอย่างไรจะมาบอกเล่าให้ได้ทราบกันต่อไปครับ

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมื่อมีบัว แน่นอนต้องมีปลา

มันเหมือนของคู่กันที่ขาดไม่ได้จริงๆครับสำหรับคนที่เลี้้ยงบัว เวลาดูบัวสวยๆในอ่างถ้าหากได้เห็นปลาตัวเล็กๆว่ายอยู่ให้น้ำดูยิบๆยับๆมันก็จะเพิ่มความร่มรื่นหัวใจมากยิ่งขึ้น


ว่าแล้วก็จัดไปเลยครับ ปลาหางนกยูง ตอนแรกผมซื้อมาตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมียสามตัว ไว้ในอ่างบัวหน้าบ้าน แล้วมันก็มีลูกมีหลาน ต่อมามีอ่างบัวเพิ่มผมก็เลยขยับขยายแบ่งๆมาลงอ่างนี้สิบตัว อ่างนี้สิบตัว เล็กใหญ่ปนๆกันไป

ด้วยความเชื่อที่ว่าปลาจะมาทำให้เกิดปุ๋ยบัวโดยธรรมชาติ อาหารปลาที่เหลือก็เป็นปุ๋ยบัวไป ตะไคร่น้ำต่างๆก็เป็นอาหารอย่างดีให้ลูกปลา แข็งแรงกันทั้งปลา ทั้งบัวเลย เท่าที่คิดวางแผนเอาไว้แบบนั้นครับ

แต่จะจริงจะได้ผลอย่างที่ตั้งใจหรือปล่าวก็ต้องติดตามดูกันต่อไปครับเวลาจะทำให้เราได้รู้สิ่งที่เราทดลองทำเอง ตอนแรกก็คิดเหมือนกันนะครับว่า เลี้ยงปลาเเล้วจะใส่ปุ๋ยบัวลำบาก แต่คิดไปคิดมาแล้วยังไงก็ขาดปลาไม่ได้แน่นอน เรื่องปุ๋ยเดี๋ยวค่อยใส่ทีละน้อยๆเอาก็แล้วกัน

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อัพเดทอ่างบัว

ผมเรียกไม่ถูกเหมือนกันนะครับว่าเขาเรียกว่าอะไร แต่ผมเรียกว่าแยกหน่อมาและกัน เพราะว่า ผมไปเคลียร์อ่างบัวหน้าบ้านแล้วเห็นมันมี กอยาวๆใต้ดินก็เลยหักมาแล้วก็มาแปะไว้บนดินในอ่างบัวเล็กๆ ก่อนจะวางลงไปในอ่างบัวใหญ่อีกที ก็ลองดูเล่นๆแต่ว่าก็เป็นดังภาพครับ

ภาพแรกเป็นใบบัวแรกที่แตกถึงผิวน้ำ จะเห็นเป็นสีแดงเลย

ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวและใบที่สองก็ตามาเร็วมากวันหรือสองวันเอง


ถามว่าดีใจมั้ยต้องบอกว่าดีใจมากเลยครับ เพราะว่าตอนที่เด็ดมามีแต่ราก แต่ไม่มีใบหรือกิ่งอะไรเลย เหมือนขิงเหมือนข่าเลยครับตอนที่หักหน่อมา ทำลวกๆด้วยซ้ำเพราะว่าไม่ได้เอามีดหรือกรรไกรไปตัด เพราะตอนนั้นแดดร้อนรีบทำครับ

แล้วผมก็ได้รู้ว่าการปลูกบัวนั้น ไม่ต้องฝังหน่อหรือว่าต้นมันลึกมากนักจะยิ่งดี เพราะตอนแรกบัวหน้าบ้านผม แตกใบใหม่ช้ามากแต่พอไปขุดขึ้นมาแล้วฝังให้ดินกลบตื้นขึ้น ก็แตกใบใหม่เร็วเป็นปรกติแล้ว ตอนนี้ก็แตกใบใหม่เรื่อยๆ

สังเกตใบที่สามงอกมาแล้ว เร็วมากๆ จะเห็นได้ว่าผมไม่ได้กดหน่อให้จมดิน อาจจะทำให้แตกหน่อหรือใบได้เร็วขึ้น

เรียกว่าเป็นการบอกเล่าให้ฟังแล้วกันครับสำหรับเรื่องบัว ต้องบอกว่าปักตื้นๆครับ อย่าให้ดินกลบมันลึกมาก ให้หน่อมันโผล่นิดๆยิ่งดีครับ แต่้ถ้าหากว่ากลบดินก็กลบบางๆอย่าให้เกินเซนนึงครับ มันได้แสงสว่างแล้วก็แตกใบใหม่ง่ายครับ ไม่ต้องใช้แรงมุดดินขึ้นมาครับ

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปุ๋ยหมักทำเองง่ายๆ

มีหลายคนหาวิธีการทำปุ๋ยหมักเอง เพราะว่าต้องตัดหญ้าอยู่ทุกอาทิตย์ เศษหญ้าก็เยอะมากจะทิ้งก็รู้สึกว่าเสียดาย ผมเองก็เพิ่งจะมาเริ่มทำเมื่อไม่นานนี้เองครับ ลองทำดูก็ไม่ยากเย็นอะไรเพียงแต่ใช้เวลาหน่อยเท่านั้นไปทำกันเลยครับ

เริ่มต้นก็เอาเศษหญ้าหรือเศษใบไม้ต่างๆมากองรวมกัน แนะนำว่ากิ่งไม้ไม่เหมาะนะครับเพราะว่าจะย่อยสลายนานกว่าใบไม้ หรือถ้าหากจะเอารวมด้วยก็ต้องหักย่อยมันให้เล็กลงซะก่อนนะครับ หรือหาเป็นไม้ที่กิ่งอ่อนๆเล็กๆก็ไม่มีปัญหาครับพอได้อยู่


จากนั้นเอาขี้วัวมาเทลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันครับ ขั้นตอนนี้ถ้าใครมีเศษทรากพืช ทรากสัตว์อะไรก็ใส่ลงไปได้นะครับแต่ก็ดูความเหมาะสมด้วย หากมีดินถุงก็ใส่เข้าไปสักถุงนึงก็ดีครับ ขี้เถ้าแกลบ อะไรต่างๆนานาใส่ไปได้เลยครับ

แต่สำหรับที่ผมลอง ผมมีแค่ขี้วัวที่ซื้อมาถุงนึง กับดินถุงหนึ่งถุงเท่านั้นครับ

เมื่อคลุกเคล้าเข้ากันดีก็ใช้น้ำราดให้ทั่วกองแล้วคลุกอีกทีให้เปียกน้ำให้หมด จากนั้นก็ใช้อีเอ็มผสมน้ำแล้วก็ราดลงไปให้ทั่วเป็นอันเสร็จ อีเอ็มหาซื้อได้ตามร้านขายปุ๋ยได้เลยครับมีหลายขนาดให้เลือกซื้อไม่ถึงร้อยก็มีครับ

จากนั้นก็ปิดด้วยถุงดำเอาหินมาทับๆหน่อย รอประมาณ อาทิตย์ก็เปิดถุงแล้วคลุกกับทีนึง ไปเรื่อยๆแล้วปิดเหมือนเดิม เรียกว่าอาทิตย์นึงคลุกทีนึง แล้วก็อย่าให้กองปุ๋ยของเราแห็งนะครับ หากเห็นว่าเริ่มแห้งก็รดน้ำเพิ่มและใส่อีเอ็มเพิ่มในกรณีที่เห็นว่ากองปุ๋ยแห้ง

หลังจากนี้อีกสองหรือสามเดือนเราก็จะได้ปุ๋ยหมักใช้ไม่ต้องเสียดายเศษไม้ใบหญ้าในสวนเราอีกแล้วครับ เรียกว่าในสวนเรามีครบสามารถเลี้ยงตัวเองได้เลยทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บัวเลี้ยง คืออะไร

อยากจะลองเลี้ยงบัวหรือปลูกบัวสักอ่างนึงแต่ไม่รู้จักบัวเลย แล้วคนส่วนใหญ่เขาเลี้ยงบัวอะไรกันหละเห็นในอ่างเล็กๆไม่ใหญ่มากแล้วก็ออกดอกให้เห็นสวยๆเรื่อยๆ


สำหรับคนที่เริ่มต้นจะเลี้ยงบัวสักอ่างนึงแล้วไม่รู้อะไรเลย(อย่างผมเป็นต้น) เริ่มต้นก็คงจะต้องหาข้อมูลในเน็ตสักหน่อยว่าจะปลูกและดูแลอย่างไรบ้าง เมื่อได้ความรู้แล้วก็ตกใจมากว่าเลี้ยงง่ายมากๆ ผมจะบอกให้ดังนี้

บัวนั้นแค่เราหาอะไรก็ได้ใส่น้ำ้แล้วก็เอาดินเหนียวรองข้างใต้จากนั้นหาพันธุ์บัวมาปักลงไปเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องปุ๋ยนั้น ให้สามเดือนครั้งเป็นปุ๋ย 15-15-15 และก็ปุ๋ยคอก ปุ๋ยคอดนั้นมันจะลอยน้ำก็ปล่อยมันสักพักและเดี๋ยวมันจะจมไปเอง

นี่คือความง่ายของการเลี้ยงบัว ถ้าหากไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก วิธีที่ง่ายๆอีกอย่างก็คือ ไปเดินเลือกซื้อบัวที่ชอบมาสักกระถางนึงกระถางเล็กๆก็พอ หาอ่างบัวที่ชอบขนาดเท่าที่คุณต้องการเลย

ที่สำคัญอ่างบัวต้องมีลักษณะแบออก อ่างบัวที่เป็นทรงลึกมากผมไม่แนะนะเพราะว่าน้ำจะลึกทำให้บัวไม่ได้แสงแดด แต่ถ้าหากมีอ่างทรงลึกอยู่แล้วก็อาจจะแก้ได้โดยเอากระถางดินเผาวางหนุนข้างล่างก่อนแล้วเอากระถางบัวเล็กที่เราซื้อมาวางซ้อนไปเลยเพื่อให้ระดับน้ำถึงดินไม่ลึกเท่ากับความลึกของอ่างบัว

การให้ปุ๋ยอีกวิธีนึงคือ การเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้ในอ่างบัว เมื่อเราให้อาหารเศษอาหารก็เป็นปุ๋ย อีกทั้งขี้ปลาหางนกยูงก็จะเป็นปุ๋ยธรรมชาติอย่างดี จนบางครั้ง คุณอาจจะไม่ต้องใส่ปุ๋ยให้ต้นบัวไปนานมากจนลืมได้เลยทีเดียว

ไม่เชื่อก็ลองสังเกตุอ่างบัวตามที่ต่างๆที่เลี้ยงปลาหางนกยูงเอาไว้ได้เลย อ่างนั้นบัวจะงามมากๆ...