rss
Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผลงานตู้อบ เมล็ดต้นพริก

นอกจากการใช้ตู้อบสำหรับอบกิ่งชำสำเร็จแล้วก็ยังใช้ได้กับการเพาะเมล็ดพืชได้อีกครับลองไปดูรูปกัน ในรูผมเพาะเมล็ดพริกครับ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วันก็ได้ดังรูปครับ โดยฉีดน้ำให้กระดาษทิชชูเปียกชุ่มในวันแรกครั้งเดียวแล้วก็ปิดให้สนิทครับ


ทำเป็นลืมๆไป 3-4 วัน ก็เห็นรากงอกออกมาดังรูปครับ


สังเกตุครับว่ามีความชุ่มชื้นอยู่มาก เหมือนวันแรกที่ผมฉีดน้ำและปิดด้วยถุงเลย

ผมเชื่อว่าวิธีนี้สามารถเอาไปเพาะเมล็ดต้นไม้ต่างๆได้อีกเยอะเลยครับไงก็ลองเอาไปลองทำกันดูนะครับผม

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เอาไทรเกาหลีลงดิน

ผมนี่มันก็คนขี้ลืมจริงๆ ครับเอาลงดินก็ลืมเอาปุ๋ยลงก้นหลุมก่อน มันเกิดจากความไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเท่าไหร่ครับเรียกว่าเอาเร็วเข้าว่าเพราะว่าอากาศร้อนเหลือเกิน

ผมวางแผนว่าจะให้แนวกำแพงนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวของต้นไทรเกาหลีครับ จริงๆแล้วก็เคยได้ยินเรื่องต้นตีนตุ้กแก หรือต้นไม้คลุมรั้วคลุมกำแพงเหมือนกันแต่รู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนั้นมันจะทำให้รู้สึกเหมือนกำแพงหรือว่ารั้วของบ้านร้างซะมากกว่าจะโมเดิร์นครับก็เลยเลือกไทรเกาหลีดีกว่า


ระหว่างแถวไทรเกาหลีผมเอาคริสติน่าสองต้นแทรกเอาไว้ครับ ด้วยความเชื่อว่าเมื่อมันโตใบแน่นแล้วจะตัดกับสีเขียวสวยดี


ภาพที่ถ่ายมาเป็นด้านข้างนะครับเพราะว่าจะดูสวยและนึกภาพออกหน่อยถ้าถ่ายด้านหน้าตรงๆไม่ต้องพูดถึงครับ เป็นช่องอีกเยอะต้องรออีกเป็นเดือนครับกว่าจะเต็ม แล้วจะเอาภาพมาให้ดูเมื่อมีความคืบหน้าครับ

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไทรเกาหลี คริสติน่า

ไทรเกาหลีครับผมตัดสินใจซื้อมาเพื่อหวังว่าต่อไปมันจะปิดกำแพงสีขาวให้กลายเป็นสีเขียวได้ ตอนแรกผมกะว่าจะเอาแค่โมกแต่ว่ามีหลายคนบอกว่าเอาไทรเกาหลีดีกว่าแน่นอนกว่า

แน่นอนว่าราคาต่อต้นแพงกว่าโมกแน่นอน แต่ผมคิดถึงระยะยาวมากกว่า คุ้มกว่าโมกแน่นอนเพราะว่าก่อนที่ผมจะซื้อไทรเกาหลีผมก็ลองปลูกโมกมาได้เดือนกว่าๆ ปรากฏว่าไม่ได้ดังใจครับใส่ปุ๋ยรดน้ำอย่างดีแต่ใบมันไม่ดกครับจะเห็นได้จากรูปที่สาม


คริสติน่าที่ใบสีแดงๆสวยดีผมเอามาตัดสีเขียวครับ ตลอดแนวรั้วทางขวาจะเป็นสีเขียวไทรเกาหลีทั้งหมด แต่จะมีตรงกลางที่ใช้คริสติน่าตัดสีแดงไว้สองต้นคู่กันครับ


รูปนี้ถ่ายตอนที่ซื้อมาได้คืนนึงครับคือร้านมาส่งตอนเย็นครับเลยยังไม่ได้ปลูกลงดิน



มีคนพยามใช้โมกก็สวยดีเหมือนกันนะครับแต่ที่สวยเพราะว่าเขาใช้สองชั้นครับ คือปลูกสองแถวซ้อนกัน แต่ผมคิดว่าพื้นที่ข้างบ้านผมที่มันแคบมันจะแคบไปใหญ่ถ้าทำแบบนั้นสรุปแล้วรอดูกันครับว่าเวลาผ่านไปแล้วจะสวยดังใจผมหรือไม่...

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตู้อบกิ่งชำ เคล็ดลับการปักชำที่ผมเพิ่งรู้

เคยสงสัยหรือข้องใจบ้างมั้ยครับว่า เวลาเราปักชำกิ่งต้นไม้บางชนิดจะไม่เป็นหรือเป็นยากมากบางครั้งไม่เป็นเลย จากประสบการณ์ของผมนะครับต้นไม้ที่กิ่งค่อนข้างมีลักษณะแห้งจะเพาะชำยาก เช่น ชาดัด โมก หลายคนอาจจะนึกว่าชาดัดปักแล้วก็เป็นแต่ผมลองแล้วครับไม่เป็นเลยถ้าปักขำธรรมดาตอนแรกงงมากครับว่าเราแย่ขนาดปักชำชาดัดยังไม่เป็นเลยหรือเนี่ย

ผมลองอยู่หลายรอบครับ ลองเปลี่ยนดิน ลองรดน้ำให้มากขึ้น ลองแช่น้ำยาเร่งรากให้นานขึ้น สุดท้ายก็เหมือนเดิมไม่เป็นเลยหรือเป็นก็จะเป็นสัก 1 ใน 20 กิ่งที่ปักชำ แล้วผมก็ไม่ได้ปักชำอะไรมาสักพักนึงแล้วครับ

พอมาอยู่ที่บ้านใหม่สวนใหม่หนีน้ำมาก็เริ่มใหม่ นับหนึ่งใหม่ว่าผมจะต้องเพาะต้นไม้ปลูกเองโดยเฉพาะการปักชำนี่สำคัญเลยต้องทำให้สำเร็จให้รู้ให้ได้ว่ามันมีเคล็ดลับอะไรหรือผมทำอะไรพลาดขั้นตอนไหนหรือปล่าว

ผมต้องการเพาะชำต้นโมกและต้นแก้วจำนวนมากเพื่อปลูกริมกำแพงที่เป็นสีขาวให้หมดรอบบ้านจึงต้องใช้ต้นโมกจำนวนมากเป็นร้อยๆต้นอย่างแน่นอน ผมเลยเริ่มปักชำกิ่งอีกครั้ง้ แน่นอนว่าไม่ได้มีอะไรดีขึ้น จนผมต้องมานั่งค้นหาเรื่องการเพาะชำต้นโมก เสิร์ทไปมาก็ไปเจอเคล็ดลับที่จะทำให้ชำยังไงก็ติดขึ้นมาครับนั่นคือ ตู้อบกิ่งชำ

ตอนแรกผมก็งงว่ามันคงเป็นเทคโนโลยีของการเกษตรเราคงทำเองไม่ได้แต่ที่ไหนได้มันเป็นเพียงแค่ถุงพลาสติกที่เอามาคลุมภาชนะที่เราเพาะชำไว้ไม่ให้กิ่งชำคายน้ำมากและเป็นการควบคุมความชื้นร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ไปดูรูปกิ่งชำต้นโมกที่ผมชำไว้อาทิตย์กว่าๆกันครับ


แตกใบอ่อนทุกกิ่งเลยครับสุดยอดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ
ตอนที่แกะถุงออกมาผมลุ้นมากว่ามันจะเป็นยังไงเพราะว่าถุงที่ใช้ห่อนั้นตอนแรกมันก็ใสมองเห็นแต่ไอน้ำมันเกาะครับเลยต้องลองแกะออกมาดูเผื่อว่าแห้งจะได้ฉีดน้ำด้วยกระบอกฉีดน้ำเข้าไปอีก

ลองดูกิ่งมะกรูดดูบ้างก็แตกใบอ่อนแล้วเหมือนกัน พูดถึงกิ่งมะกรูดผมรู้สึกตั้งแต่แรกแล้วหละว่ามันน่าจะเป็นง่ายเพราะกิ่งมันเขียวสดมาก


สุดท้ายไปดูตู้อบกิ่งชำที่สุดทันสมัยแต่ทำเองได้ง่ายๆ กันเลยครับ

ก็แค่เอาถุงพลาสติกใสๆหรือแสงผ่านได้ห่อแล้วก็เอาเชือกผูกหรือแนะนำว่าเป็นลวดอ่อนที่ใช้เก็บสายไฟจะสะดวกมากครับ มัดแล้วก็เอาไว้ในที่ร่มรำไร ผมไม่มีก็เลยเอาไว้ในโรงรถครับก็สว่างไม่ได้มืดอะไร

และแล้วก็รู้เคล็ดลับซะทีการเพาะชำอะไรจะง่ายขนาดนี้เกิดมาตั้งนานเพิ่งจะรู้เสียดายเวลาเหมือนกัน ไปเพาะต้นไม้กันต่อเลยโลด

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ต้นโมกซื้อมาใหม่

ต้นโฒกที่ซื้อมาใหม่ดูเหมือนมันจะงามดูเหมือนใบมันจะดกนะครับแต่ว่าพอเราปล่อยมันไว้แบบนี้ซัก 2-3 วันเท่านั้นใบก็ร่วงเยอะมากครับ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันน้ำก็รดทุกวันนะครับเลยสงสัยว่าแล้วที่ร้านเขาทำนังไงมันถึงดูเขียวสดอยู่ตลอด


เท่าที่ดูในรูปอาจจะมองว่ามันเขีียวสดนะครับแต่ว่าในรูปนั้น 5 ต้นวางชิดกันครับเลยอาจจะดูหนาแต่ว่าถ้าแยกออกมาดูเป็นต้นๆใบจะไม่ได้หนาอะไรมากมายครับแค่พอมีใบเท่านั้นครับ

เรื่องสวนเรื่ื่องต้นไม้นี่ผมยังต้องรู้อะไรอีกเยอะครับเพราะว่าตอนนี้รู้น้อยเหลือเกิน ตอนนี้เพิ่งได้ความรู้ใหม่มาว่า ชำกิ่ง ต้องเข้าตู้อบด้วย ถึงว่าสิทำไมผมชำเท่าไหร่ไม่เคยรอดเลยโดยเฉพาะต้นโมกนี่แหละแล้วจะเอาภาพเอาวิธีการมาฝากให้ดูกันครับสำหรับตู้อบกิ่งชำ

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ต้นโมกริมรั้วดีที่สุดหรือไม่

เนื่องจากว่าผมหาข้อมูลและได้รู้มาหลายๆเรื่องเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของต้นไม้ริมรั้วชนิดต่างๆ ซึ่งบางอย่างก็ไม่เคยรู้มาก่อนบางอย่างก็นึกไม่ถึงจะเป็นยังไงลองไปดูกันเลยครับ






ต้นแพงพวย เป็นง่ายหรือยากกันแน่

ที่พูดเรื่องต้นแพงพวยเป็นเพราะว่าผมเพิ่งซื้อมา ตอนที่อยู่ที่ร้านมันก็งาม มีดอกทุกกิ่งเลยนะแต่ตอนซื้อมาแล้วตั้งเอาไว้ในร่มเห็นเลยว่าลำต้นมันเอนมาหาแดดชัดเจน สักสองสามวันก็เอาลงดิน


ผมเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นต้นไม้ชนิดนึงที่เป็นง่าย ปลูกง่ายโตเร็ว เพราะว่าตอนที่ผมปลูกที่สวนเก่ามันก็แข็งแรงนะทั้งลำต้นทั้งใบ ไม่รู้ว่าที่ซ์้อมานี้พันธุ์เดียวกันหรือปล่าว เพราะว่าพอเอาลงดินแล้วมันเฉา และก็ทำท่าจะตายดังรูป

ตอนที่ผมเพาะชำเองที่สวนเก่าของผมนั้นผมก็แค่ตัดกิ่งมาแล้วก็ปักชำธรรมดามันก็เป็นแล้วเลยไม่นึกว่ามัีนจะตายง่ายแบบนี้ ตกใจเหมือนกันที่เห็นสภาพเป็นแบบนี้และรู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อ สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นก็คือมันอาจจะปรับสภาพเข้ากับดินใหม่ไม่ทันเพราะว่าตอนที่ผมเอาออกจากกระถางดินมันค่อนข้างแห้ง ก็เลยหลุดออกจากรากไปเยอะ ตอนลงหลุมผมอาจจะเอาดินเก่ารองก้นน้อยเกินไปก็เป็นไปได้


นี่คือสิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้ว่าทำไมต้นไม้ที่ชื่อว่าต้นแพงพวยนี้ถึงตายทั้งๆที่น่าจะเป็นง่ายด้วยซ้ำไป เดี๋ยวต้องไปหาต้นดอกไม้อะไรอีกสักสองอย่างที่เป็นง่ายๆ ขยายพันธุ์เร็วมาเพาะรอไว้เลยน่าจะดีกว่าอยู่เฉยๆ ไว้รอดูกันต่อไปครับ

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การติดตั้งแอร์ที่ทุเรศที่สุด

นี่เป็นความโชคร้ายของผมเหลือเกินครับที่ได้ช่างฝีมือห่วย ผมไม่เรียกว่าช่างดีกว่าเพราะว่าคนเป็นช่างที่จะเรียกได้ว่าช่างนั้นจะต้องทำได้ดีกว่านี้ ผมเองก็เรียนช่างมาผมรู้ดีเรื่องนี้ ความตั้งใจความละเอียดของผลงานเป็นสิ่งที่ช่างต้องนึกถึงเสมอแต่ดูผลงานของช่างแอร์ที่มาติดแอร์ที่บ้านผมครับ





4 ภาพบนนั้นเป็นสภาพการเจาะรูผนังและการเก็บงานปูนที่ทุเรศและเละเทะที่สุดเท่าที่คนจะรับได้เลยครับผมจะเล่าให้ฟังว่ามันไม่ใช่แค่นี้ที่ทุเรศ

เริ่มจากการเจาะรู รูที่กว้างเกิน สภาพรูที่เจาะเกิดการแตกร้าวเสียหายมาก ไม่มีการ cover ใดๆในระหว่างเจาะ เช่นกล่องเก็บฝุ่น เครื่องดูดฝุ่น การติดตั้งแอร์เครื่องแอร์เอียง ใช้เวลาการติดตั้งนานสุดท้ายทำไม่ได้ถามว่าแอร์เสียหรือปล่าว แผงด้านหน้ายุบงอเสียหายระหว่างการยกขึ้นติดตั้ง
สุดท้ายวันแรกไม่เสร็จ ฝุ่นเต็มบ้าน แอร์ผมที่ใหม่ๆ ไม่เคยเสีย ก็หมดสภาพเหมือนแอร์เก่าไปเลย โดนรื้อแผงคอนโทลแทบหมด

แล้วก็โทษว่าช่างแอร์ที่รื้อแอร์ให้ผมถอดแผงคอนโทลเก็บไว้ อะไรต่างๆนานา สุดท้ายก็เป็นแค่การโบ้ยความผิดที่ตัวเองทำเองงงเอง

วันต่อมาเอาลูกน้องมาเพิ่มมาลุมดูกันปรากฏว่าวันแรกนั้นเดินสายผิดเอง ผมละเซงที่สุด แล้วดูสภาพการเก็บงานปูน การปิดรางครอบท่อ ผมรู้เลยว่าเขาทำได้ดีแค่นี้แหละเพราะว่านี่เป็นการทำเพื่อกู้หน้าคืนจากที่เมื่อวานทำไม่ได้ เสียหน้า แต่ผลงานก็ยังออกมาแบบนี้

ยังไม่หมดการประกอบเครื่องก็ไม่ถูกทำให้ไฟของเครื่องไม่ตรงทำให้มองไม่เห็นไฟแสดงการทำงาน ผมต้องรื้อออกใหม่แล้วประกอบใหม่ เครื่องแอร์ก็เอียงทำให้น้ำหยด ผมก็ต้องแก้ไขเองทั้งหมด จุดสายไปที่ต่อเข้าหลังบ้านก็เอาคัดเตอร์กรีดซะเสียหายสกปรกไปหมด ผมก็ต้องไปเก็บงานเอง สรุปแล้วถ้าผมมีสว่านไปฟ้าที่สามารถเจาะผนังเองได้ผมทำเองดีกว่า เซงจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะเจอช่างห่วยๆที่สุดแบบนี้